Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

โครงการวิจัยและพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงไบโอดีเซล
 
ไบโอดีเซลคืออะไร?

ทำความเข้าใจ...ไบโอดีเซล

                    ไบโอดีเซลก็คือการนำน้ำมันจากพืชหรือไขมันสัตว์หรือแม้ แต่น้ำมันที่ใช้แล้ว อย่างน้ำมันที่ทอดไก่ หรือปาท่องโก๋ ผ่านกระบวนการทางเคมีผสมโน่นนิด นี่หน่อยแล้วแต่ชนิด ของไบโอดีเซล มาใช้เป็น เชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งเราอาจแบ่งไบโอดีเซล ตามประเภท ของน้ำมัน ที่นำมาใช้ได้ออกเป็น 3 ประเภท

1. น้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์
ไบโอดีเซลประเภทนี้ก็คือน้ำมันพืชแท้ๆ (เช่น น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันปาล์ม, น้ำมันถั่วลิสง, น้ำมันถั่วเหลือง) หรือน้ำมันจากไขมันสัตว์
(เช่น น้ำมันหมู) ซึ่งเราสามารถเอามา ใช้ได้เลยกับเครื่องยนต์ดีเซลโดยไม่ต้องผสม หรือเติมสารเคมีอื่นใด หรือไม่ต้องนำมาเปลี่ยนแปลง
คุณ สมบัติของน้ำมันให้เปลืองเวลา เปลืองทรัพยากรอีก


2. ไบโอดีเซลแบบลูกผสม
ใช่แล้วครับ ลูกผสม ไบโอดีเซลชนิดนี้เป็นลูกผสมระหว่างน้ำมันพืช (หรือสัตว์) กับ น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล หรืออะไรก็ได้เพื่อให้ไบโอดีเซล
ที่ได้มีคุณสมบัติ ใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซลให้มากที่สุด อย่างเช่น โคโคดีเซล (coco-diesel) ที่ อ.ทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์นั่นแหละครับ ซึ่งเป็นการผสมกันระหว่างน้ำมันมะพร้าว กับน้ำมันก๊าด หรือปาล์มดีเซล (palm-diesel) เป็นการผสมระหว่างน้ำมันปาล์มกับน้ำมันดีเซล
 

3. ไบโอดีเซลแบบเอสเทอร์
อันนี้ มาตรฐานหน่อยโกอินเตอร์ครับ เป็นความหมายของไบโอดีเซลที่แท้จริงที่เมืองนอกเมืองนาเขาใช้กันทั่วไป อย่างเช่น ในเยอรมัน สหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ มาเลเซีย ดังนั้น ถ้าพูดถึงคำว่า “ไบโอดีเซล” ในความหมายของสากลเขาจะหมายถึง ไบโอดีเซลแบบเอสเทอร์”นี่เอง แน่นอนครับ เมื่อเป็นอินเตอร์ก็ต้องยุ่งยากหน่อย สำหรับไบโอดีเซลประเภทนี้ต้องผ่าน กระบวนการแปรรูปด้วยกระบวนการทางเคมีที่เรียกว่า
ทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่น (Transesterification) เสียก่อนครับ นั่นคือารนำเอาน้ำมันพืชหรือสัตว์ที่มีกรดไขมันไปทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล ์โดยใช้กรดหรือด่าง เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ทำให้ได้เอสเทอรโดยจะเรียกชนิดของไบโอดีเซลบบเอสเทอร์ตามชนิดของแอลกอฮอล
์ที่ใช้ในการทำปฏิกิริยา

ไบโอดีเซลชนิดเอสเทอร์นี้มี คุณสมบัติที่เหมือนกับน้ำมันดีเซลมากที่สุด ทำให้ไม่มีปัญหากับเครื่องยนต์ครับ เราสามารถนำมาใช้กับรถยนต์ได้ แต่ปัญหาที่จะมีก็คือต้นทุนการผลิตที่แพงนั่นเอ